คงไม่มีใครปฏิเสธคำพูดของผู้นำญี่ปุ่นที่ว่านี่เป็นยุคที่ยากลำบากที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 65 ปีที่แล้ว เพราะสึนามิครั้งนี้ไม่เพียงทำให้หลายเมืองญี่ปุ่นย่อยยับเท่านั้น แต่อันตรายจากกัมมันตรภาพรังสีของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่ระเบิดไปแล้วและอาจจะระเบิดขึ้นอีกนั้น แม้จะมีความพยายามออกมาอธิบายว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่คงมีน้อยคนนักที่จะไม่ปริวิตกในขณะนี้
เตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เมืองฟูกูชิมะใช้มานานถึง 40 ปีแล้ว โดยมีอยู่ทั้งสิ้น 6 เตาและเตาหมายเลขหนึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุด แต่ก็เป็นเตาปฏิกรณ์รุ่นราวคราวเดียวกับที่สหรัฐมีอยู่ประมาณ 100 เตาในขณะนี้ก่อนที่สหรัฐจะตัดสินใจไม่สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่อีกเลยตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
หลักการทำงานของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะใช้ยูเรเนียม 235 เป็นเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิชชั่นหรือการแตกตัวของนิวเคลียสของอะตอม เกิดพลังความร้อนมหาศาล ทำให้น้ำเดือดและเกิดไอน้ำไปหมุนใบพัดให้เกิดพลังไฟฟ้า
ขณะที่เกิดแผ่นดินไหว เตาปฏิกรณ์ 3 ตัวจากทั้งหมด 6 ตัวกำลังทำงานอยู่ แต่เตาปฏิกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ปิดการทำงานโดยอัตโนมัติหากเกิดแผ่นดินไหว จากนั้นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังดีเซลจะเริ่มทำหน้าที่ปั๊มน้ำเข้าไปบริเวณโดยรอบเตาปฏิกรณ์เพื่อหล่อเย็นไว้ แต่ปรากฏว่าทำงานได้เพียงชั่วโมงเดียวก็ล้มเหลวเนื่องจากสึนามิทำให้เกิดน้ำท่วมและเกิดความเสียหาย
ทางการญี่ปุ่นแถลงว่าการระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความล้มเหลวของระบบปั๊มน้ำ ไม่ใช่เตาปฏิกรณ์ สาเหตุที่ระเบิดอาจเป็นเพราะแรงดันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆภายในฝาครอบชั้นในเตาปฏิกรณ์ เมื่อไม่มีน้ำหล่อเย็น แรงดันจึงต้องหาช่องระบาย โลหะบางชิ้นที่อยู่รอบเชื้อเพลิงอาจปริออก เปิดช่องให้เชื้อเพลิงทำปฏิกิริยากับน้ำทำให้เกิดเซอร์โคเนียมอ็อกไซด์และไฮโดรเจนซึ่งเมื่อผสมกับอากาศที่มีอยู่ จึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น
สำนักนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นแถลงว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าการตรวจพบซีเซียมซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้าหลังการระเบิดอาจเกิดจากการละลายของแท่งเชื้อเพลิงที่ร้อนเกินไปเพราะขาดน้ำหล่อเย็นนั่นเอง
โชคยังดีที่ญี่ปุ่นมีการเตรียมพร้อมในการรับมือทั้งการอพยพประชาชนและให้ประชาชนรับประทานเม็ดไอโอดีนเข้าไปก่อนเพื่อให้ต่อมไธรอยด์บล็อคไอโอดีนที่มีกัมมันตภาพรังสีที่จะซึมเข้าสู่ร่างกาย ต่างจากกรณีของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลของยูเครนที่ระเบิดเมื่อ 25 ปีที่แล้วที่ไม่มีการเตรียมพร้อมแถมยังพยายามปกปิดข่าวด้วย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากกัมมันตภาพรังสีในเวลาต่อมานับพันคน ขณะที่กลุ่มกรีนพีซเชื่อว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 93,000 คน แต่ความรุนแรงของการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีที่เชอร์โนบิลนั้นติดเพดานสูงสุดคือระดับ 7 ส่วนที่เมืองฟูกูชิมะ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4